http://www.jozho.net
   
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 19/11/2007
ปรับปรุง 05/02/2023
สถิติผู้เข้าชม14,589,385
Page Views22,674,818
Menu
หน้าแรก
งานบรรยายโดยโจโฉ
เกี่ยวกับ&ที่มา..โจโฉ
ตัวอย่างภาพกิจกรรม
รวมเสียงโจโฉ
สนับสนุนโจโฉ
บทความโดยโจโฉ
ติดต่อโจโฉ
เลือกดาวน์โหลด
แนะนำ
มาใหม่ล่าสุด
บอกเล่าเก้าสิบ
สวดมนต์ สมาธิ
Video ธรรม
ข่าวร้อน
.
 

ผลการปฏิบัติตามแนวทางหลวงพ่อปราโมทย์

(อ่าน 3570/ ตอบ 17)

อภิชัย ....

สวัสดีครับคุณโจโฉ ผมคนหนึ่งที่ได้ปฏิบัติตามแนวทางหลวงพ่อปราโมทย์ มาร่วมปีแล้วย
เห็นผลได้โดยตนเอง ไม่ต้องให้ใครบอก และยังไม่เคยได้กราบหลวงพ่อเลย ฟังแต่ซีดี
อย่างเดียว(ตั้งใจจะไปหลายครั้งแต่ไม่มีโอกาส อยู่ใกลถึงภาคอิสาน..นครพนม)
ความทุกข์ต่างๆลดน้อยลง เห็นความไม่มีสาระของโลก เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดี
จนมานั้งทบทวนดูเมื่อปีก่อนที่ผ่านมา กับตอนนี้ คนละเรื่อง กันเลย
...ชีวิตมีความสุขเต็มอิ่มในใจ แม้จะมีทุกข์ทางน้อยแต่ก็กระทบเราน้อย
กิเลสต่างๆ ลดน้อย ลง มา  แต่เห็นกิเลสเกิดขึ้นบ่อยแทน.....
และยากจะยืนยันให้ทุกท่านทราบว่า แนวทางนี้ผมปฎิบัติได้ผลจริง ส่วนใครที่โจมตีท่าน
ให้ร้ายท่าน ขอให้เป็นเรื่องของกรรมๆจะทำหน้าที่เอง และขออนุโมทนากับคุณโจโฉ ด้วย
ที่ช่วยเผยแพร่ธรรมะของอาจารย์ปราโมทย์ และอาจารย์ท่านอื่น เป็นประโยชน์มากครับ..


คนร้ายกาจคนหนึ่ง

- ฉันชอบฝันร้าย  เช่น ต่อสู้กับผี   ต่อสู้กับหมาดำ เป็นประจำ
ฉันสู้กับมันจนเหนื่อยทุกครั้ง บางครั้งก็ชนะ  บางครั้งก็แพ้
ตื่นมายังกลัวอยู่เลย
จนวันนี้ ฉันได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์  
 - เมื่อฝันร้ายครั้งใด จิตจะระลึกได้เองว่าเป็นความฝัน
   และเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมดในความฝัน ก็จะหายไป 
   ความฝันทำร้ายฉันไม่ได้อีกแล้ว 

Jane

Just want to encourage you. 

Heja Jozho Heja!

Heja (Swdeish) =  Go Go Go!

Jane

Just want to encourage you. 

Heja Jozho Heja!

Heja (Swdeish) =  Go Go Go!

นัท

เข้ามาโหลดซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ เลยได้เจอเวปนี้และได้อ่านกระทู้นี้
(หลังจากแต่ก่อนเคยโหลดแต่จาก wimutti.net  แต่ตอนนี้ไม่มีให้โหลดแล้ว)

ขอขอบคุณและอนุโมทนากับคุณโจโฉด้วยนะคะที่ยังคงไฟล์ของหลวงพ่อไว้ให้ได้โหลดกัน
ขอเป็นกำลังใจให้คุณโจโฉในการทำงานด้วยค่ะ

และขอเป็นพยานในคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ
ดิฉันเป็นอีกคนที่สนใจการปฏิบัติธรรมมานานสิบกว่าปี แต่ก็พบว่ามีแต่สงบแล้ววุ่น หรือทำแล้วใจหนักๆเครียดๆ
คิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไม่ง่าย และต้องใช้บารมีสูง เราคงบารมีไม่ถึงประมาณนี้ค่ะ
แต่พอได้ไปฟังธรรมจากหลวงพ่อปราโมทย์ ก็มีความรู้สึกว่านี่แหละสิ่งที่เรารอมานาน เราเจอแล้ว เหมือนเจอกุญแจไขประตู
การปฏิบัติธรรมตามคำสอนหลวงพ่อทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาทำผิด มีแต่กิเลสครอบงำแม้ขณะคิดว่าปฏิบัติธรรม
เมื่อได้ลงมือปฏิบัติมา นับถึงตอนนี้ จริงๆก็เพียงหกเดือนเท่านั้นแต่พบการเปลี่ยนแปลงมากมายและรู้ว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด
แต่ยากเพราะเราไม่เข้าใจหลักจริงๆ
เห็นกิเลสในตัวเองมากมายจากที่เคยคิดว่าตัวเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
เมื่อรู้ไปเรื่อยๆ กิเลสก็เบาและหายเร็วขึ้นเรื่อยๆโดยแค่เราตามรู้เท่านั้น
มานะอัตตาค่อยๆเบาลงแม้จะยังมีเยอะอยู่
ภาวนาด้วยใจที่เบามากขึ้น และจิตเบาขึ้นเรื่อยๆ
จากที่ชอบกังวลว่าคนรอบข้างจะคิดยังไงกับเราทำให้เครียดบ่อยๆก็ปล่อยวางได้มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจว่าทำไมปล่อยได้
ไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไรแต่ดิฉันเห็นผลที่เกิดขึ้นกับจิต เป็นของจริงที่เกิดขึ้นกับเราแล้ว
จะขอภาวนาต่อไป เป็นอาจาริยบูชาให้สมกับที่หลวงพ่อเสียสละมาสั่งสอนพวกเราค่ะ
เป็นบุญเหลือเกินที่ได้พบหลวงพ่อในเส้นทางวัฏฏสงสารนี้
กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะ

ชัยพร

อนุโทนาอย่างสูงยิ่งครับ

ป้าแจ่ม

วันนี้...................
แวะมาบอกว่า ป้าเอาเงินเข้าบัญชีเพื่อร่วมทำบุญทุกอย่างกับคุณโจ แล้วนะคะ
1001 บาท เข้า บ/ช 2482141319
1201 บาท เข้า บ/ช 2482039504

ขออนุโมทนา และเป็นกำลังใจ ในการทำความดีของคุณ
ค่ะ

ป้าแจ่ม

ขออนุโมทนา กับคุณโจโฉ ที่ยืนหยัดอยู่กับพระี่แท้อย่างพระอาจารย์ปราโมช


และก็สลดใจกับคน หรือคณะบุคคลที่เข้าใจผิดหรืออาจคิดอิจฉาปองร้ายท่าน


ป้าก็เป็นชาวพุทธที่หลงกิเลส ตันหา อุปาทาน มาตลอดพร้อมๆกับทำบุญ ปฏิบัติธรรม


อ่านหนังสือธรรมะ มามากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่เข้าใจผิดมาตลอดจนอายุใกล้ 60 ปี


จึงได้พบ ได้อ่าน ได้ฟังซีดี ของพระอาจารย์ปราโมช ซึ่งผลบังเกิดที่ตามมาก็คือ


1. ทำให้ทราบซึ้งในคำสอนและวิธีปฏิบัติธรรมต่างๆของหลวงปู่ดุลย์ ก็เพราะพระอาจารย์ปราโมช


2. ทำให้เข้าใจธรรมะของพระอาจารย์สายอื่นๆที่เคยอ่าน ที่ไม่ค่อยเข้าใจ


3. ลดบาปอกุศลที่่เคยไปนึกตำหนิติเตียน พระสงฆ์ อง์เจ้า ต่างๆในอดีต  ด้วยความโง่เขลาของตัวเอง


4. มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมมากขึ้นเข้าใจวิธีปฏิบัติของแต่ละสำนัก ว่าไปสู่เป้าหมายอันเดียวกัน


    ก็เพราะคำอธิบายของพระอาจารย์ปราโมช


5. มีความรู้สึกกับพระอาจารย์เช่นเดียวกับคุณดังตฤน และ อ.สุรวัฒน์ ที่เขียนไว้ในเวปวิมุตติ


6. เคยรู้สึกดีๆ กับ สำนักพิมพ์ DMG และบ้านอารีย์ แต่ขณะนี้คง ไม่ค่อยดีแล้วล่ะ


7. เคยไปสวนสันติธรรม กับลูกสาวที่ปฏิบัติธรรมตาม ซีดี และอ่านหนังสือของพระอาจารย์


8. ลูกสาวจบแพทย์ศิริราช เลยทำให้รู้ว่าลูกศิษย์พระอาจารย์ล้วนเป็นคนมีความรูู้และมีการงานดีเป็นส่วนมาก


 9.  ในแวดวง อาจารย์มหาวิทยาลัย เช่น ใน จุฬาฯ และ ม.เชียงใหม่ ส่วนมาก ฟังซีดี อ่านหนังสือพระอาจารย์


 ขอเชื่อมั่นในคำสอนและปฏิปทาของพระอาจารย์อย่างสุดใจไร้ข้อกังขา


ขออนุโมทนา และหากมีจังหวะได้ออกไป ธนาคาร จะ ส่งเงินมาช่วยสนับสนุน คนดีๆ อย่างคุณโจโฉ นะคะ


 

อภิชัย ฤทธิกรรณ์

ขอชี้แจงเพิ่มเติม  อภิชัย....    กับอภิชัย ฤทธกรรณ์ คือบุคคลเดียวกัน
อยากจะให้มีความชัดเจน เพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคลได้จริงๆ

อภิชิต

(เพิ่มเติม) อภิชัย.....(อภิชัย ฤทธิกรรณ์)


เดิมทีผมก็เป็นชาวพุทธทั่วไปนี้แหละครับ เมื่อมีความทุกข์ในเรื่องงานมาก  หาทางออกไม่เจอ โชคดีพบธรรมะของพระอาจารย์บนเวป  โหลดมาฟังดู  รู้ว่าใช่เลยนี้แหละ คือสิ่งที่ผมหามาชั่วชีวิต (เดิมเหมือนกับผมหาอะไรอยู่ผมก็ไม่ทราบในตอนนั้น )  ผมยิ่งสลดใจมากเมื่อผมฟังธรรมของหลวงพ่อ แล้วผมมีสติขึ้นมา  ผมนึกย้อนไปว่า ผมหลงไปได้อย่างไรตั้ง ตั้ง 41 ปี(ไม่มีสติ มา41 ปี) เลยทำให้ผมรีบขวนขวายในการปฏิบัติ เพราะรู้ว่าชีวิตเราเสียเวลาไปมากแล้ว สิ่งที่ไม่เป็นสาระผมทิ้งหมด(ใจมันไม่เอา ไม่ชอบ) เช่น กอล์ฟ ซึ่งเคยรักเป็นชีวิตจิตใจผมเลิกเลย การพนัน อบายมุขต่างๆ ทิ้งหมดด้วยความเต็มใจ หันมาถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด  รวมทั้งพ่อแม่ผมซึ่งใจบุญฝักใฝ่ในพระศาสนาอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังซีดี ของพระอาจารย์ก็สลดใจเหมือน ที่ถึงแม้จะทำบุญทำตามตามวิถีชาวพุทธก็ตาม  แต่ไม่ได้มีสติ(ปัฐฐาน)เลย  เมื่อได้มีสติขึ้นมา ก็มีความสุข   รวมทั้งภรรยา และลูกๆ  ด้วย  ผลแห่งการปฏิบัติ  อย่างที่เคยได้กล่าวไว้คือ ความทุกข์ค่อยลดน้อยลงเรื่อย  มองเห็นความไม่มีสาระของโลก  เห็นความทุกข์ในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ   ลูกก็ว่านอนสอนง่าย  เข้าใจในธรรมะและรู้ถึงบาปบุญคุณโทษ ถือศีล 5 ทั้งครอบครัว  และรู้ถึงเป้าหมายของชีวิต  นี้คือผลแห่งการปฎิบัติตามแนวทางภาวนาของพระอาจารย์ปราโมทย์  ที่ผมสามารถยืนยันให้ทุกๆท่านทราบได้  


 


วันที่ผมได้รับข่าวพระอาจารย์ ผมสลดใจมาก  พยายามเปิดดูข้อมูลตามเวปต่างๆ  เท่าที่ผมพบ(นอกจากเวป วิมตุตติ)มีแต่ คุณดังตฤณ  ที่มีบทความมา สนับสนุน  และเวปคุณโจโฉ เท่านั้น  ที่ยืนยันแนวทางคำสั่งสอนของพระอาจารย์  ที่เหลือเงียบกันหมดเลย  ผมเลยคิดในแง่ดี  คือพระอาจารย์จะได้พักผ่อนบ้าง และสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นบทเรียนแสดงไตรลักษณ์ให้เราดู  ใครเป็นผู้กระทำในเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะจงใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็รับเอาส่วนแห่งการกระทำไปตามเจตนาและผลแห่งการกระทำนั้นๆด้วยตนเอง…..


                                                                            อนุโมทนากับคุณโจโฉด้วยครับ


                                                                                      


                                                                                อภิชัย  ฤทธิกรรณ์

urai

มาต่อท้าย น้องโจโฉ ที่น่ารัก พี่อยู่ต่างประเทศค่ะ พี่มีความทุกข์ ทั้ง ๆ ที่มีทุกอย่างพร้อม ความสะดวกสบาย
แต่กลับไม่เคยมีความสุขเลย ทุกข์มากๆๆ เพราะเป็นคนเจ้าอารมณ์ คือมีอารมณ์โกรธเป็นเจ้าเรือนว่างั้นเถอะ
ทำยังไงๆ  จนอยู่มาวันหนึ่ง พี่ตัดสินใจที่จะปฏิบัติธรรม คือรู้เรื่องทางพระพุทธศาสนาน้อยมาก แต่เชื่อว่า
พระพุทธเจ้า ท่านทำให้คนพ้นทุกข์ได้ คือต้องลงมือปฏิบัติเท่านั้น  อ่านหนังสือธรรมะสักร้อยเล่มก็คงไม่ดับทุกข์ได้
จนวันหนึ่ง พี่ได้ฟังซีดีธรรมtของหลวงพ่อปราโมทย์  มีอยู่ตอนหนึ่งที่ท่านอธิบายเรื่องจริตของคน ที่จะปฏิบัตธรรม
พี่ก็ถึงได้รู้ได้เข้าใจ  แล้วลองปฏิบัติตาม ตามจริตของตน ไม่อยากจะเชื่อว่าความทุกข์ที่มีมากมายในจิตใจ
มันจะลดลงได้มากเหลือเกิน  อย่างที่ท่านบอกไว้ บางสิ่งบางอย่างถ้าทำแล้วจะรู้เฉพาะตนเท่านั้น ถ้ามานั่งเถียงกัน
ก็ไม่มีประโยชน์อะไร  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้น้องโจโฉนะคะ

ด้วยรักเสมอ
พี่อุไร

keolavanh luangrath

Happy birthday naka khun JOZHO
Dharma hark sa khun naka

เว็บมาสเตอร์

สาธุครับ

สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ ก็คือผลการปฏิบัติของผู้ที่เห็นผลจริงๆ แบบนี้หละครับ
ที่จะมายืนยันให้คนที่กำลังจะคล้อยตามข้อกล่าวหา ได้ฉุกคิด

แต่นิสัยคนไทยนะครับ ชอบเชื่อข่าวลือ
ใครจะดีจะอะไรยังไงไม่รู้ แต่ถ้าคนเขาพูดกันเยอะๆ ก็เชื่อไว้ก่อน
ซึ่งเราจะเห็นได้จากการหมิ่นสถาบัน ที่ดูเหมือนจะมีการวางแผนกันมาหลายปี
แล้วทำต่อเนื่องกันเป็นระบบ สร้างข่าวลือ สร้างหลักฐานเท็จอะไรกันไปมากมาย
แล้วก็มีคนหลายคนหลงเชื่อจริงๆ ซะด้วย

เพื่อนผม สอบอภิธรรมได้อันดับต้นของประเทศ  อีกคนเรียนนิติ
แล้วก็คนอีกหลายคนที่มีความรู้สูงๆ  ..คิดดูนะ ก็ยังหลงเชื่อข่าวลือพวกนี้
ความรู้ทางโลก หรือแม้แต่ทางธรรมที่มีแต่ทฤษฎี  มันช่วยให้คนตาสว่างจริง ๆไม่ได้เลยอะคับ

กรณีหลวงพ่อก็เช่นกัน ผลของนักปฏิบัติจำนวนมาก ยืนยันได้จริงว่า ท่านสอนแล้วคนลดละกิเลสได้จริง
เรื่องการเถียงกันด้วยประเด็นธรรม
ผมเชื่อว่า ธรรมะเป็นของลึกซึ้ง เกินสมมุติบัญญัติ จะอธิบายได้กระจ่างจริงๆ
เพราะธรรมะบางทีพูดเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าคนละนัยยะ ก็ตีความคนละอย่างแล้ว

อ.พร รัตนสุวรรณ เคยกล่าวแค่คำว่า สังขาร คำเดียว
ท่านยังตีความได้พิศดาร ลึกซึ้ง หลากหลายเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่แปลว่า การปรุงแต่ง อย่างที่เราชอบสอนกัน

แต่ว่าถ้าอยู่ในประโยคอื่น อยู่ในสถานะบางอย่าง
ก็จะต้องตีความแยกแยะละเอียดไปอีก  ถ้าคนไม่รอบคอบจริง ไม่แตกฉานพระไตรฯ จริงๆ
ก็จะงง แล้วตีความผิดได้ 

ซึ่งนี่แหละ ปัญหาของการสื่อสารด้วยภาษาเขียนและพูด
ที่บางทีพูดเรื่องเดียวกันแต่ก็เข้าใจคนละอย่างได้
หรือพูดคนละอย่าง แต่ว่าที่แท้มันก็คือเรื่องเดียวกันได้

มันละเอียดมากนะ ธรรมะ  ถ้าจะเถียงกันก็เถียงกันไม่จบ
แต่ท่านให้ดูว่าจุดสุดท้าย เพื่ออะไร ทำแล้วได้ผลดับทุกข์ได้จริง ลดละความเป็นตัวตนได้จริงหรือเปล่ามากกว่าครับ

แต่กรณีหลวงพ่อนั้น ผมเชื่อว่า เกิดจากหลายอย่าง
1.ใส่ร้าย โจมตี ด้วยความแค้นส่วนตัว หรือ คำสอนไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่มอื่น
2.เข้าใจผิด เชื่อข่าวลือ หลงเชื่อคนหลอกใช้
3.เข้าใจผิดจากขอ้ธรรมที่ อาจมีประเด็นทางการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจผิดกัน หรือ อื่นๆ 
4.สารพัดเหตุผล

พระพุทธองค์ แม้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว  เราก็จะเห็นว่า มีคนใส่ร้าย มีคนปองร้าย มีคนกล่าวตู่ท่านเยอะมาก
บทพาหุง ถ้าแปลออกมา ก็คงจะเห็นได้ชัดว่า ท่านก็ทรงเจออะไรมาแค่ไหน
ทั้งที่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง และเป็นสัพพัญญู 

ผมว่า ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ
แต่ผมเห็นคนในสังคมนักศึกษาธรรมจำนวนมาก
ที่ศึกษาปฏิบัติอย่างเข้มข้น  แล้วกลับเกิดมิจฉาทิฎฐิ
ผมเชื่อว่า เพราะเราขาดการเข้าใจหลักเบื้องต้นที่ถูกต้อง
ขาดศรัทธาและเชื่อมั่นในกรรม

ศึกษากันแล้วก็ชอบเอาแนวทางแบบการศึกษาทางโลกมาตัดสินหรือโต้เถียงกัน
อ.พร เองท่านเก่งมาก ท่านก็แย้งเรื่องพวกนี้ไว้เยอะมาก
ยิ่งประเด็นในพระไตรฯ  ซึ่งต้องเก่งจริงถึงจะตีความได้รอบคอบ
และคนเก่งจริงๆ เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นหรือศิษย์

ท่านก็จะตีความและอธิบายเพิ่ม ไม่ใช่ว่า ต้องทำตามพระไตรฯ เป๊ะๆ
ไม่ใช่ว่าจะอธิบายเพิ่มต่อจากครูบาอาจารย์ไม่ได้
เพราะธรรมะ ไม่ใช่ของที่ต้องตามตัวหนังสือเป๊ะๆ 

มันมีปลีกย่อย ตามแต่ละสถานณการณ์อีก 
อธิบายไป พูดไปก็ไม่จบหรอก

วันนี้ผมรู้ซึ้งเลยว่า ทำไม อ.พร ท่านนอกจากสอนพระอภิธรรมแล้ว
ท่านยังมาเน้นสอนเรื่อง นรกสวรรค์ โลกหลังความตายด้วย
ท่านย้ำว่า แนวทางของท่าน ศึกษาง่าย
แล้วทำให้เข้าใจหลักของกรรมวิบากได้ชัด ในเวลาอันรวดเร็ว
แล้วเมื่อเข้าใจหลักแล้ว คือเข้าใจว่า วิบากคืออะไร ส่งผลยังไง
แล้วเข้าใจตรงคำว่า วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป

ถ้าเข้าใจแค่นี้ จะไม่หลงทาง จะรู้ว่า คำสอนไหน ผิดถูก
หรือหลักการต่างๆ มีเกณฑ์ในการตัดสินอย่างไร
เพราะอย่างทีบอก สมมุติบัญญัติ ภาษาเขียน ภาษาพูด
มันไม่สามารถสื่ออธิบาย สภาวะธรรม หรือธรรมะ ที่ลึกซึ้งและสุดพรรณาได้

แต่ถ้าจะไม่หลงทางก็ตอ้งเข้าใจแก่นหรือหลักของธรรมะชาติเสียก่อน
ซึ่งการเข้าใจแบบแนวทาง อ.พร  ทำให้คนเราวางอุเบกขา และเข้าใจ
ศาสนาลัทธิอื่นได้เป้นอย่างดีด้วย

ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ  แต่ถ้าใครเข้าใจก็จะเก็ทอะ
ที่บอกนี่คือหมายถึง เฉพาะทางทฤษฎีนะครับ
ส่วนการปฏิบัติ พอเข้าใจทฤษฎีแล้ว ก็ต้องเพียรปฏิบัติเพื่อเห็นผลอีกทีหนึ่ง

หลายปีตั้งแต่ผมโตมา ผมโต้เถียงกับคนในเรื่องธรรมะ ไม่รู้จะกี่แนวทาง
ก็เห็นชัดว่า  มันป่วยการจริงๆ ที่จะอธิบายธรรมะที่ลึกซึ้ง ให้คนหลากแนวทางได้เข้าใจตรงกัน
แล้วโดยเฉพาะคนที่ยึดแต่แนวตนเอง หรือศึกษาธรรมะแบบท่องจำ
ศึกษาแบบใช้กฎเดียวกับการศึกษาทางโลก มาขบคิด หรือมาสนทนากัน
มันจะไม่มีวันจบ  แล้วก็ยากที่จะเข้าใจกันได้

เอาแค่พระวินัย ยังเถียงกันไม่จบ ไม่สิ้นเลย
อย่างบุหรี่ เป็นของไม่คู่ควรแม้ฆราวาส อย่าว่าแต่พระเลย
แต่ทำไม พระที่ท่านว่าเคร่งๆ ท่านจึงยังสูบบุหรี่

ทั้งที่ถ้าเราศึกษาธรรมแบบเอาจิตเป็นที่ตั้งแล้ว
ไม่ว่าใครก็ต้องคิดได้ว่า แม้พระพุทธองค์ไม่ได้บัญญํติ
ก็เป็นสิ่งที่ไม่คู่ควรกับนักบวช  เป็นของเหม้น
ทำให้ชาวบ้านรังเกียจ โลกติเตียน หรือโลกะวัชชะ 

มีอีกเยอะที่น่าเป็นห่วงสำหรับสังคมพุทธของพวกเรา

แนวทางอย่าง การเรียนเรื่อง นรกสวรรค์  ของ อ.พร
มีคนโจมตีผมเยอะมาก แม้แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อ  ลูกศิษย์พี่ดังตฤณ
เขาหลายคนแอนตี้ผมเรื่องนี้จะตาย  ไม่ได้สนับสนุนผมนะ

หลายคนคิดว่า ผมเป็นกลุ่มศิษย์เดียวกัน 
แต่น้อยคนจะรู้ว่า ผมทำของผมคนเดียว
แต่แม้พวกเขาจะไม่สนับสนุน และแอนตี้ผม
ผมก้ไม่เคยสนใจ หรือใส่ใจ

อย่างคราวมีเรื่องนี้ ผมก็ออกโรงมาแสดงจุดยืน ว่าอะไรยังไง
คือถ้าเป็นบางคน โดนต่อต้านมาก่อนอย่างแรง
พอเกิดแบบนี้ เขาอาจจะวางเฉย ไม่ร่วมเปิดตัวเข้าข้างอย่างเปิดเผยแบบนี้หรอก

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า หลายเวป ดังๆ ที่มีกำลังทรัพย์และกำลังคนมากกว่าผม
ยังต้องถอด ยังต้องถอย เลิกเผยแพร่ 

นี่แหละ สิ่งที่หลายคนต่อต้านผม ว่างมงาย ไร้สาระ ไม่ใช่ทางดับทุกข์
แต่ผมก็เห็นแค่เพียงว่า เพราะแนวทางของอ.พร ทำให้ผมเป็นผมได้ทุกวันนี้
ผมศรัทธาในพระศาสนา ขนาดยอมตายได้ แต่ไม่ยอมกล่าวร้ายพระอริยะ หรือครูบาอาจารย์แน่
แล้วแนวทางที่หลายท่านว่า ไม่น่าเผยแพร่

กลับทำให้ผมเข้าใจธรรมในระดับที่ผมคิดว่า ผมไม่หลงทางแน่
แล้วก็วางอุเบกขาได้กับแนวทางอื่น แล้ว..

เอ่อ.. พูดไปก็จะหาว่าหลงตัวเองอีกอะนะ

แต่สิ่งที่ทำให้เห็นมานาน ว่าคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มีความพร้อมอะไรเลย
แต่เอากำลังจากไหนมาทำงานได้เยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ศรัทธาที่แน่วแน่ว่ากรรมมีจริง แล้วแสดงผลอย่างไร
ท่ามกลางความไม่พร้อม การเข้าใจผิด การมองแง่ลบ และสารพัด
แต่ผมก็ไม่สนใจ และมั่นใจในสิ่งที่ทำ

แล้วผลตอบรับ ผลปรากฎ เป็นคำขอบคุณมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ว่าช่วยเปิดแสงสว่างให้แก่ผุ้คนจำนวนมาก

ถ้าไม่มี อ.พร รัตนสุวรรณ ถ้าผมไม่ศึกษาเรื่องนรกสวรรค์ กรรม จนเข้าใจหลัก
ก็จะไม่มี โจโฉ วันนี้  ไม่มีผลงานออกมาขนาดนี้แน่นอน

ธรระมนี่ จริงๆ อธิบายด้วยการพูดมันคุยกันไม่จบเน๊อะ 
คนมีอคติ เขาก็จะค้านได้ตลอด  หรือบางที
เราเกิดมาคนละสถานที่ มีชีวิตคนละอย่าง ประสบการณ์ต่างกัน จริต วาสนาต่างกัน
บางครั้งเรื่องเดียวกัน มันก็เห็นไปเป็นคนละอย่าง หรือมองปัญหาไปคนละแบบได้
ซึ่งมันไม่มีทางลงกันได้หรอก ในเรื่องรายละเอียด ว่าต้องเหมือนกันเป๊ะๆ

แต่ผ่ลที่จะวัดได้ จริงๆ ก็คือ ผลของจุดสุดท้ายแห่งการกระทำ ว่ามันไปสู่จุดหมายเดียวกันหรือเปล่านั่นแหละ

พล่ามมาซะเยอะ  นอกเรื่องไปนิด
แต่ก็มาขอบคุณ ที่ช่วยกันมายืนยัน ว่า หลวงพ่อสอนแล้วพวกเรา เจริญในธรรมขึ้นครับ

ผมเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนมาก ที่เจริญในธรรมขึ้น จากคำสอนของหลวงพ่อ
แต่ยังไม่แสดงตัวก็เท่านั้นเอง 

ผมเองก็ศึกษา ปฏิบัติมาหลายแนวทาง
ในทางทฤษฎี ผมถือว่า ผมเกิดในทางธรรมได้ เปลี่ยนจากคริสต์มาเป็นพุทธ
ท่องพุทธังสรณัง คำแรก ด้วยปีติและปัญญา ว่าเรากำลังเปลี่ยนชีวิตมาถูกทางแล้ว
ก็เพราะ อ.พร รัตนสุวรรณ นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมได้ชีวิตใหม่

เพราะเข้าใจในหลักแก่นของธรรมะ ของธรรมะชาติว่า อะไร ยังไง
แล้วมาเติมเต็มความรู้ทางทฤษฎีหนักแน่นยิ่งขึ้น ด้วยงานของ คุณดังตฤณ
ที่ไม่น่าเชื่อว่า แม้จะเขียนกันคนละแบบ แต่ว่า เนื้อหามาลงกับอ.พร ได้เป็นอย่างดี

แล้วผมก็มาเปลี่ยนชีวิตผมได้อีกครั้ง เลื่อนระดับ จนออร่าสว่างไสว จนหลายคนทัก แล้วก็มีรูปถ่ายออร่ายืนยัน
ว่าชีวิตผมเปลี่ยนไป จิตผมเปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ

ด้วยการฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ เพียงสองเดือน วันละ 1-2 ชั่วโมง
ฟังไป แต่งหน้า ทำผมไป ก่อนไปร้องเพลง
ผมทำแค่นี้เอง 

หลวงพ่อ เปรียบเหมือนผู้ให้ชีวิตใหม่  ซึ่งวัดได้จากการที่จิตเปลี่ยนไป จนพี่ใหม่ก็ทักผมว่าไปทำอะไรมา
ผมอ่านตำรามาเยอะ ฝึกมาหลายแนวทาง  ผมได้แต่ งง ๆ กับคำว่า จิตเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้
จิตไม่ใช่เรา 

ก็ได้แต่ท่องจำ แต่ไม่เคยเข้าถึงหัวใจเลย
จนวันหนึ่ง แค่การฟังซีดีหลวงพ่อ  ผมเกิดปิ้งขึ้นมาว่า เออๆๆ จิตไม่ใช่เราแฮะ  มันเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
เราบังคับมันไม่ได้จริงๆ  มันอยากเศร้า มันโลภ มันโกรธ  เราไม่เคยบังคับมันได้เลย มันเป็นของมันเอง
ปิ้งแว๊บนั้น มันเกิดเข้าใจในระดับที่น่าจะเรียกว่า ขึ้นมาอีกขั้น แต่คงยังไม่ถึงกับภาวนามยปัญญา

คือมันเกิดแค่พอรู้ แต่ไม่มั่นคง
แต่ก็ทำให้เหมือนชีวิตเปลี่ยนไปเลย  จนหลายคนทักว่า ทำไมสว่างขึ้นนั่นแหละ
แล้วคำสอนครูบาอาจารย์หลายๆ สาย หรือแม้แต่ในพระไตรปิฎก

ก็ผุดขึ้นมายืนยันหลักคำสอนของหลวงพ่อที่ผมพึ่งประจักษ์ว่า

อ๋อ.. แบบนี้นิเอง  จิตไม่ใช่เรา  เออแฮะ  พอรู้สึกแบบนี้ มันไม่ทุกข์ ความยึดมันหมดแฮะ
แล้วจากนั้นมา เวลาขึ้นเวทีผมเคยตื่นเต้น ผมก็ไม่ตื่นเต้น หรือตื่นเต้นก็แค่ตามรู้ มันก็หาย

ผมทุกข์ใจมากๆ  ผมก้แค่ตามรู้  ทุกข์มันก็ลดลง
มีอยู่ครั้งนึง ความโกรธเกิดขึ้นแรงมาก 
แล้วสติก็เกิดขึ้น ผมก็มองแล้วช่วยเสริมไปนิดว่า จิตไม่ใช่เรา  เขาโกรธของเขาเอง
เราบังคับไม่ได้   เท่านั้นแหละ  มันหายวิ้งไปเลย

แบบ เอ๋อๆ เหมือนกัน 
คือที่เล่าๆ มาเนี่ย ก็ทำไม่ได้บ่อยหรอก  เพราะไม่ค่อยเพียร ชอบปล่อยให้ตัวเองหลง 555
ก็ทำงานเยอะอะนะ  มันก็เผลอไป  นานๆ จะดึงกลับมาได้ทีนึง

ผมกล้ายืนยันว่า คำสอนของหลวงพ่อ ที่ผมแค่ฟังผ่านซีดี เปลี่ยนชีวิตผมได้จริงๆ
เปลี่ยนจนขนาด คนที่มาประกาศโจมตีว่าคำสอนท่านไม่ดี ก็ยังเห็นและทักผมมาแล้ว ว่าไปทำอะไรมา
รูปผมที่เคยให้พี่เขาดู ตอนไปทำกิจกรรม เขาก็ทักเองว่า รูปโฉสว่างมาก
แล้วยังบอกอีกว่า ต่อไปโฉจะได้ทำงานใหญ่เพื่อพระศาสนาอีกมาก 

ซึ่งน่าจะการันตีได้ว่า คำสอนของหลวงพ่อ เกิดประโยชน์แค่ไหน
แต่วันนี้ก็น่าแปลก ที่กลับบอกว่า หลวงพ่อสอนไม่ดี ฯลฯ

ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ผมก็รับรู้ได้เพียงว่า ผมมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตก้าวหน้าไปกว่าแต่ก่อนมาก
ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการฟังซีดีหลวงพ่อเท่านั้น ไม่เคยไปกราบ ไปส่งการบ้านท่าน แม้แต่ครั้งเดียว
ยกเว้นเจอในงานศพแม่พี่ดังตฤณ ก็แค่ไปกราบ

แค่เข้าใกล้ ผมก็สัมผัสได้แล้วว่า ออร่าท่าน ความสว่างและเมตตาท่านมากแค่ไหน
กิริยาต่างๆ ของท่าน ก็ช่างสงบ น่าเคารพ เป็นพระที่งามพร้อมจริงๆ

คือผมเห้นชัดไง  เพราะผมอ่านหนังสือ อ่านตำรา แล้วก้ฝึกมาเยอะ
ผมเสียเวลาตั้งแต่เด็กไม่รู้กี่ปี กับการหาคำตอบให้ชีวิต และหาแนวทางปฏิบัติ
ตำราไม่ได้ช่วยอะไร การปฏิบัติเคร่งครัดก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเข้าใจ
จนเมื่อมาเจอคำสอนของหลวงพ่อนีแหละ  ที่ทำให้ปิ้งขึ้นมา แล้วมีกำลังใจในการเดินในสายทางธรรมมากขึ้น
แล้วที่เห็นชัดคือ ทุกข์น้อยลง   แล้วได้ผลดีกับตนเองในเวลาสั้นมากๆ

ย้อนอดีตนิดนึงนะ  ผมเกิดมาเป็นเด็กทารก ผมก็รู้ตัวเองแล้ว
ผมรู้สึกตัวว่า ทำไมผมตัวเล็ก พูดไม่ได้  ตั้งแต่เด็ก ผมเกิดอาการจิตผู้รู้แยกออกมา
โดยที่ผมไม่เคยรู้ว่า นั่นมันคืออะไร

อยู่ดีๆ เห็นเด็กคนนี้ร้องไห้ เห็นเด็กคนนี้พูดกับแม่ โดยที่มีเราอีกคนหนึ่งดูอยู่ แบบ งงๆ 
ตอนแรกนึกว่า ตัวเองเป็นวิญญาณมาสิงเด็กคนนี้ซะอีก  555

ป. 5 ผมนั่งรถเมล์จากดอนเมือง ไปสนามหลวง เพื่อไปซื้อหนังสือบทสวดมนต์ เล่มเบ้อเริ่มของพุทธ
ซึ่งตอนนั้นผมเป็นคริสต์ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมว่าผมต้องสนใจหนังสือของพุทธ คาถาอาคมด้วย
แล้วผมก้ไม่เคยไปไหนไกลๆ เลย ไม่เคยขึ้นรถเมล์ แต่วันนั้นผมนั่งไปคนเดียว ตัวกะเปี๊ยกนึง

ไม่กี่ขวบผมก็รู้สึกถามตัวเองตลอดว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
ได้ยินพระเทศน์ว่า คนเราไม่หายใจก็ตายแล้ว
แค่นี้ ผมก็สะอึก แล้วก็สลดใจขึ้นมาทันทีว่า เออ. ทำไมชีวิตช่างไร้สาระ

ในวัยที่ผมควรจะวิ่งเล่น เป็นเด็กน้อย ผมกลับคิดหาคำตอบให้กับชีวิต
แล้วก็มีจิตดวงหนึ่งบอกผมมาตลอดว่า เราต้องทำอะไรเพื่อสังคม
ผมตั้งใจจะทำมูลนิธิ ตั้งแต่ผมอายุไม่กี่ขวบ ท่ามกลางความรุ้สึกว่า .. เราบ้าไปป่าววะเนี่ย  555

ผมเจอสิ่งลึกลับเยอะมาก ทั้งเทวดา ทั้งพยานาค  และสิ่งที่มองไม่เห็น
จะมาเตือนผมทุกครั้งที่ผมทำไม่ดี หรือมีจิตอกุศลร้ายแรง 
ซึ่งเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีใครเชื่อ  แต่ผมก็เจอมาแล้ว
แล้วไม่มีประโยชน์ที่ผมจะต้องมาเล่าให้ใครฟัง เพราะเชื่อหรือไม่ ผมก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

ผมโตมา เจอคนทักเยอะมาก ว่ามีของดีติดตัวเยอะ
ไปไหน ก็จะมีแต่พวกร่างทรงทัก ว่า ไม่ใช่คนธรรมดา
แล้วที่ผมเจอพักหลังๆ ก็จะมีแต่คนบอกประมาณว่า

อีกหน่อยผมจะเป็นกำลังหลักให้พระศาสนาคนหนึ่ง จะได้ทำอะไรเพื่อสังคมอีกมาก
ผมก้ได้แต่ขำๆ  ว่า เออ.. กรูเนี่ยนะ.. (ขออภัย คิดในใจแบบนี้จริง ๆ )

คือดุตัวเองแล้วไก่กาอาราเร่ มากเลยอะ  แค่คนตัวเล็กๆคนหนึ่ง
แล้วชีวิตก็ลุ่มๆ ดอนๆ เจอมรสุมชีวิตก็มาก ทั้งงาน ความรัก ครอบครัว และสังคม รวมถึงสุขภาพ
แล้วจะไปทำอะไรให้ใครได้ยังไงหว่า.. รู้แค่ว่า เป็นคนชอบช่วยเหลือคนก็แค่นั้นแหละ
สนุกกับการได้รับใช้ผู้อื่น 

แต่มาเดินมาถึงวันนี้ ผมเริ่มเห็นเค้าลางของความจริงแล้วว่า
เออแฮะ.. ผมก็ทำประโยชน์ให้พระศาสนาได้แฮะ 
ไม่มากไม่น้อย  .. แต่เมื่อวาน ไปนั่งลบรูปออกจากอัลบั้ม เพราะเนื้อที่เวปมันเต็ม

นั่งลบไป ก็ตกใจตัวเองว่า...

เออ.. เราทำอะไรมาเยอะขนาดนี้เลยหรือหว่ะเนี่ย....  งง
นี่ขนาดว่า หลายงาน หลายอย่าง เราไปคนเดียว ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป หรือขอรูปไม่ได้
ยังมีอีกหลายงานที่ไม่ได้เก็บรูปมา  ขนาดนี่แค่บางส่วนแค่นั้น

ทำไมมันเยอะขนาดนี้หว่า...  นั่งดูรูปตัวเองทำอะไรให้สังคมแบบฟรีๆ หลายๆงาน
แล้วก็ขนลุกเหมือนกัน  โห.... ไม่น่าเชื่อแฮะ  (มีแอบปลื้มเล็กน้อยกับตัวเอง)

ตอนนี้ผมเข้าใจเลยว่า คนทำดี สะสมบารมีไว้มาก
ทำไมเขาถึงไม่กลัวตาย แล้วมันอุ่นใจแบบแปลกๆ 
เพราะรู้สึกได้ถึงผลกรรมที่รอคอยเราอยู่ ว่าจะส่งสิ่งดีๆ ให้เรามากมายแค่ไหน

การทำอะไรให้คนอื่น มันทำให้เราเห็นความดีคนอื่นได้ง่าย
ผมไม่รู้ว่าคนฟังเรื่องหลวงตาแล้วจะซาบซึ้งท่านแค่ไหนนะ

แต่ตอนผมอัดเสียง ผมอ่านไปก็แบบขนลุก ซึ้งในเมตตาของท่านมาก
เพราะเราเทียบเคียงกับตัวเองได้อะ

ว่าเวลาเราไปทำอะไรให้คนอื่นแบบฟรีๆ  ด้วยจิตเมตตา ไม่ได้หวังอะไร
เราใช้กำลังใจแค่ไหน ต้องเจอกับอะไรบ้าง ต้องสู้กับอะไรบ้าง
พอมาฟังเรื่องของหลวงตา เราเลยรู้ว่า ท่านมีพลังเมตตาสูงส่ง
และมากมายมหาศาลแค่ไหน ถึงได้ทำอะไรไปได้ขนาดนั้น

แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีน้ำใจกับคนอื่น คงจะเข้าใจและซาบซึ้งในพระคุณของท่านได้ยาก
ซึ่งเราจะเห็นได้จากคนทั่วไป ที่ปรามาสหลวงตา และกล่าวหาท่านเสียๆ หายๆ
แม้แต่คนที่อ้างว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อก็เหอะ

วันก่อนผมยังเจอในไฮไฟว์ เขาพูดเชิงแดกดันหลวงพ่อสงบ และกระทบไปถึงหลวงตา ประมาณว่า
เอาแต่รับบริจาค ไม่ได้สอนเจริญสติ อะไรประมาณเนี้ยแหละ

ซึ่งอ่านแล้วก็ปลง ลูกศิษย์นอกคอกพวกนี้แหละ ที่นำความเสื่อมเสียมาถึงอาจารย์
คือถ้ายังมีจิตรู้สึกได้แค่นี้ อย่าไปอ้างว่าเป็นศิษย์ใครเลยจะดีที่สุดนะ
เพราะหลวงพ่อไม่เคยสอนให้ไปปรามาสหรือลบหลู่ใคร

แล้วถ้าปฏิบัติตามหลวงพ่อจริงๆ เราจะไม่เผลอกล่าวจาบจ้วงผู้มีพระคุณต่อชาติและศาสนาได้ขนาดนี้หรอก


จบดีกว่า .. ยาวไปหละ 
เหมอืนมาเขียนไดอารี่เลยแฮะ   555

ขออภัยนะครับ  แค่จะมาอนุโมทนา เผลอซะยาวเลย 



Page : 1
Lock Reply
 
 หน้าแรก  รวมเสียงโจโฉ  บทความ  ภาพกิจกรรม  สนับสนุนโจโฉ  ติดต่อ
view