พอดีมีพี่คนหนึ่งบอกว่า คุณแอสตั้นเขียนบทความใหม่
ผมตามไปอ่าน ก็เลยแวะเอามาให้พี่ๆ น้องๆ อ่านกันนะครับ
อ่านแล้วอย่าไปคิดพาดพิงถึงใครเชียวเน้อ....
เขาไม่ได้เขียนถึงใคร แต่กำลังเปรียบเทียบถึงธรรมะกับเข็มทิศเท่านั้น
ฝากไว้นิดหนึ่งนะครับ เกิดเป็นชาวพุทธหรือชาวอะไรก็ตาม
สำคัญที่สุดในการจะพ้นทุกข์บรรลุกันได้ .. ต้องไม่ลืมคำว่า เมตตา
พระพุทธองค์ตรัสไว้ประมาณว่า
...หากมีใครเอาเลื่อยมาตัดเธอขาดสองท่อน
ถ้าโกรธ เธอไม่ใช่ศิษย์ตถาคต
พระเยซู บอกว่า ถ้ามีใครมาตบแก้มซ้าย ให้ยื่นแก้มขวาให้ตบ
ไม่ให้โกรธ ไม่ให้โต้ตอบ
เรื่องต่างๆ เราอ่าน เรารู้ เราอะไรๆ ได้ แต่ห้ามโกรธ ห้ามด่า ห้ามเกิดอกุศลจิต
ให้แผ่เมตตา และสงสารคนที่เผลอทำผิด แล้วใช้ความรักส่งคืนกลับไปหาเขา
แต่ผมก็เชื่อนะ ส่วนใหญ่ คนเรา .. ก็มีแต่แช่งๆๆๆ .. 555
ถ้าเสื้อเหลืองแดง เห็นต่างกันแล้วส่งความรักให้กัน ไม่โกรธ ไม่ด่ากัน
ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนความรู้และเหตุผลซึ่งกัน
ป่านนี้ เราจะเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้
ฝ่ายที่ถูกต้องแม้จะทำเพื่อชาติ แม้จะรักชาติ
แต่สังเกตกันบ้างหรือเปล่า ว่า .. เรากระทำกันด้วยจิตที่มีแต่โทสะซะส่วนใหญ่
ซึ่งจิตที่มีโทสะ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
คนชั่วไม่มีทางกลับใจได้เพราะแรงโทสะ เพราะพลังร้อน
คนโง่ไม่มีทางฟังข้อมูลดีๆ ที่ถูกต้องได้ ด้วยคำหยาบคายและจิตที่มุ่งร้ายหรือร้อนรน
บางม๊อบ เอาคาถาพาหุงมาสวด แต่กลับไม่เข้าใจบทสวด
บทนี้ท่านให้ท่องเป็นตัวอย่างว่า พระพุทธองค์ทรงชนะทุกอย่างได้ด้วยแรงเมตตา
ท่านไม่โกรธ ไม่ตอบโต้ ไม่คิดร้าย แต่ยังสงสาร และหวังดีต่อคนที่ทำร้ายพระองค์
สุดท้ายพวกนั้นก็แพ้ภัยตัวเองไป นี่คือคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร
ชนะเพราะใช้พระเมตตาอันไม่มีประมาณ ไม่ใช่ท่องแล้วจะชนะคนอื่น
เขาให้ท่องแล้วเอามาใช้ เอามาเป็นตัวอย่าง
อ้างมหาตมคานธี แต่ไม่เคยทำตามท่าน
มหาตมคานธี ท่านชนะอังกฤษด้วยมือเปล่า
เพราะท่านใช้เมตตาเป็นหลัก ไม่โกรธ ไม่ด่า ไม่คิดร้าย
ใช้ความดีเข้าสู้ แม้แต่คนยิงท่านตาย ท่านจะแผ่เมตตาให้ ให้อภัยแม้ในขณะจิตสุดท้าย
อ้าว.. เผลอไปการเมืองซะหละ
ในทีนี้ต้องแยกแยะนะครับว่า ไม่ตอบโต้ กับไม่ชี้แจงมันต่างกันอย่างไร
ในทางโลก เราไม่ตอบโต้ แต่เราต้องชี้แจง และให้ความรู้ที่ถูกต้อง
เพียงแต่ทำทุกอย่าง ด้วยด้วยเหตุและผล และจิตที่เมตตาเป็นหลัก
ต้องใช้พลังเย็นในการชี้แจง
พ่อแม่จะลงโทษลูกจะสังสอน ก็ต้องทำด้วยจิตเมตตาและใจเย็น
ไม่ใช่เอาแต่ตวาด แม้จะหวังดีก็ตาม เด็กถึงจะเข้าใจได้จริงๆ
ส่วนเรื่องของพระถ้าเข้าใจอะไรผิด พระผิดก็ให้พระจัดการกันเอง
ไม่ใช่ฆราวาสจะแสดงตัวเป็นยอดมนุษย์ไปปราบมาร
ถ้าอยากเป็นยอดมนุษย์จริงๆ บางแนวทางที่รุกเข้าไปถึงทุกมหาวิทยาลัย
สอนธรรมะแบบผิดๆ ผิดแบบเห็นๆ ทำไมไม่มียอดมนุษย์คนไหนกล้าไปแตะต้อง
แม้แต่โจโฉ จะพูดอะไร ก็ยังมีหลายคนออกมาตักเตือน ว่าอย่าไปพูดกระทบเขา 555
น่าแปลกเน๊อะ เขาใหญ่ จนใครๆ ก็ไม่อยากให้แตะต้อง
แต่พระที่สอนจนคนทุกข์น้อยลง กิเลสน้อยลง กลับมากล่าวหาลมๆแล้งๆ ว่าท่านผิด
ทั้งที่ก็มีคำชี้แจงออกมาแล้ว โจมตีกันต่อเนื่อง กล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียว
แหมว่าจะเอาบทความมาให้อ่าน เลยเผลอพร่ำเองซะยาว 555
ไม่รู้เรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่ก็พึ่งเห็นว่า มีการดึงพระที่มีชื่อเสียงมากๆ หลายท่าน
ลงมาให้คนเข้าใจว่า ท่านมีความเห็นด้วย ลงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
ไม่อยากคิดเลยว่า จะเป็นไปได้กันถึงขนาดนี้
ด้วยความดีที่ผมทำ ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ให้อยู่ในร่องในรอย
อย่าได้หลงผิดทำบาปใหญ่แบบนี้เร้ยยยยย.... สาธุ
เห็นคนบารมีมาก ทำความดีมามากๆ หลายๆ คน ที่เดินผิดทางไป
เห็นแล้วใจหายว่า.. วันหนึ่งจะเป็นคราวของเราหรือเปล่า
การยังไม่ถึงพระโสดาบันนี่ อันตรายกว่าที่คิดมากมายเลยเน๊อะ..
อะ.. อ่านบทความที่คุณแอสตั้น27 เขียนกันดีกว่านะครับ
ต่อไปนี้เจออะไรดีๆ ก็จะพยายามเก็บมาให้อ่านนะ
แต่อะไรไม่ดี ก็จะไม่เก็บมาละกัน ทั้งที่อยากให้อ่านกันบ้าง
คือเดี๋ยวเขาจะหาว่าลำเอียง ลงแต่คำชี้แจงอย่างเดียว
แต่อย่างว่าแหละ เราไม่ได้กล่าวหาใครนิ
ถ้าผมกล่าวหาใครก่อนนั่นแหละ ถึงจะน่าเอาทั้งสองอย่างมาลงพร้อมกัน
พึ่งกลับมาจากทำบุญประทายข้าวเปลือก บุญหนักอึ้ง จนปวดไปทั้งตัวเลยเนี่ย
เอาบุญมาฝาก อนุโมทนาด้วยนะครับ สรุปซื้อข้าวไป 15 กระสอบ
แล้วกองบุญพระศาสนาอุปฐาก ร่วมผลิตซีดีหลวงตา 1-2 ไปแจก 3500 แผ่น
วันนี้ก็ยุ่งกับการผลิตดีวีดีหลวงพ่อไปแจกในงานอีกไม่กี่วันทีจะถึง
ปล้ำกับเครื่องผลิตแผ่นอยู่นาน กว่าจะใช้งานได้ ก็ตีหนึ่งหละ ทำไปได้ไม่ถึง 50 แผ่น
หลังๆ เครื่องรวนมากๆ ยกไปซ่อมบ่อยๆ
มันน่าแปลกตรงที่พอยกไปร้าน มันหายสนิท ไม่มีอาการอะไรเลย
พอยกกลับมาบ้าน มันเสียอีก
ยังคิดว่าเป็นเรื่องเหนื่อธรรมชาติหรือเปล่าน้อ...
ลำพังทำงานแบบไม่มีอุปสรรค ก็เหนื่อยมากมาย ทำไม่หวัดไม่ไหว
แต่ที่ผ่านมา อุปสรรคเยอะมาก เครื่องมือ สถานที่ และอะไรๆ ก็ไม่ค่อยพร้อม
รู้สึกว่ามาทดสอบวิริยะบารมีกันเหลือเกิ้นนนนน
เร็วๆ นี้อาจจะต้องซื้อเครื่องผลิตอีกเครื่อง เพราะทุกวันนี้ใช้งานหนัก แล้วผลิตไม่ทันแจก
ใครที่เห็นว่าสิ่งที่ผมทำมันมีประโยชน์ ก็ติดตามเอานะครับ
คงประกาศให้ได้ร่วมบุญกันเร็ว ๆนี้แหละ เพราะเริ่มไม่ไหวแระ ตอนนี้ทำงานได้ไม่ทันไม่พอ
เครื่องยังเดี้ยงๆ บ่อยๆ ยกไปซ่อมแต่ละที ค่ารถก็แพง เสียเวลาก็มาก งานไม่เดิน
คนรอก็รอไปเหอะ นี่ขอซีดีกันมาเพียบ รอกันเหงือกแห้งแล้วมั้ง 555
น่าดีใจ ที่มีหลายคลื่น เอาเสียงผมไปออกอากาศ แล้วก็บ่นมาว่า
ไม่มีไฟล์ใหม่ๆ ไปออกอากาศ.. แหม..
ก็เวลาผมก็น้อยนะ ทำแต่ละเล่มใช้เวลาเป็นเดือนๆ งานอื่นก็เยอะ
มีแต่คนอยากให้อัดนู้น นั่นนี่ อยากให้ทำอะไรหลายอย่าง
แต่คนผลักดัน ป๋าดัน คนหนับหนุนอะดิ .. แหม้.... มันน้อยกว่าหลินปิงไม่รู้กี่เท่า
ไม่น่ารักน่ากอดเหมือนหมีขอบตาคล้ำบ้างก็แร้ววว ป้ายยยยย เอิ๊กๆๆ
คนอ่านเขารำคาญผมแล้วเนี่ย.. จั่วหัวซะยาว กว่าจะเข้าเรื่อง
อะมาอ่านกัน..ว่าเขาเขียนถึงเข็มทิศชำรุดยังไง
//////////////////////////////////////////////////////////////
เข็มทิศชำรุด โดย Aston27
เมื่อวันก่อน มีสุภาพสตรีท่านนึงถือเข็มทิศอยู่ในมือแล้วเดินมาถามผมว่า
"ไอ้เข็มทิศนี่มันใช้ยังไงอ่ะ"
ผมบอกเธอว่า เราต้องวาง หรือถือเข็มทิศให้อยู่ในแนวระนาบ
คือไม่เอียงซ้าย เอียงขวา หน้าหลัง แล้วปล่อยให้เข็มมันทำงาน
ถ้าเข็มทิศไม่เอียง ปลายเข็มมันจะหมุนไปหยุดในตำแหน่งทิศเหนือ-ใต้เสมอ
เราก็เพียงแต่หมุนตัวเรือนให้จุดบอกตำแหน่งบนตัวเรือน ตรงกับแนวของเข็ม
คราวนี้ก็รู้ได้ละ ว่าถ้าจะไปทางไหน จะเป็นทิศไหน
ถามว่าเชื่อเข็มทิศได้ไหม ตอบว่าเชื่อได้ ถ้าเข็มทิศไม่ชำรุด
ถามว่า เข็มทิศมีชำรุดด้วยเหรอ ตอบว่า อ้าว.. ก็เหมือนตาชั่งน่ะ
ใช้ไปนานๆ มันมีการตก กระทบ กระแทก มันก็เพี้ยนได้เป็นธรรมดา
เอาของชิ้นเดิมไปชั่งมาหลายปี ก็บอกว่า 70 โล
อยู่มาวันหนึ่ง เอาชิ้นเดิมมาชั่ง บอกว่า 17 โล ซะงั้น
เขาถึงต้องมีตุ้มน้ำหนัก ไว้คอยตรวจเช็คไงครับ ว่าตาชั่งเพี้ยนไหม
ถามว่า แล้วจะรู้ได้ไง ว่าเข็มทิศอันนั้น มันเพี้ยนหรือเปล่า
โอ.. อันนี้ตอบยากนะครับ เพราะเข็มทิศบางอันดูข้างนอกก็สวยเฉียบเนี๊ยบนิ้ง
แต่เอาเข้าจริงก็ชี้กงจักรว่าดอกบัว ชี้ซัวเถาบอกจ๊กก๊ก ชี้นรกบอกสวรรค์
ถ้าจะให้ดี คงต้องไปเทียบกับเข็มทิศ อันอื่นๆดูกระมังครับ
หรือไม่ก็ต้องกางแผนที่ แล้วเช็คดู ว่าเข็มทิศเพี้ยนจริงหรือยังเที่ยงตรงอยู่
ถ้าเป็นตาชั่ง ยังอาศัยตุ้มน้ำหนัก วางเช็คดูได้ แต่เข็มทิศนี่ลำบากครับ
ยิ่งถ้าสภาพภายนอกดูดี สวยหรู แล้วเพี้ยนแค่ 2-3 องศา ยิ่งดูยาก
ฟังเผินๆ 2-3 องศา มันนิดเดียว แต่สำหรับการเดินทางไกลแล้ว
2 องศา มีความหมายมากนะครับ แล้วสังสารวัฏมันน่ากลัวนะ
เพราะตอนแรกๆ อาจจะเหมือนยังอยู่ในเส้นทาง ไปทิศทางเดียวกัน
จนกระทั่งไปไกลขึ้นๆ นั่นแหละ ถึงจะรู้ตัวว่า ไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว
คนเราทุกคน มีเข็มทิศอยู่ในใจครับ ถ้าเป็นปกติส่วนมากก็บอกทิศถูก
แต่บางทีต้องระวัง ถ้าโดนกิเลสมากระทบแรงๆ หรือไม่แรงมาก
แต่กระทบต่อเนื่องยาวนานสะสม มันก็เพี้ยนไปได้
อยากตรวจดูเข็มทิศตัวเอง ว่าชำรุด หรือยังดีอยู่
ก็ต้องอาศัยโยนิโสมนสิการ ความแยบคายในการพิจารณาตัวเอง
ถ้ารู้สึกว่า เรามีสติเห็นกิเลสยุบยั่บไปทั้งวัน แต่ศีลยังบริบูรณ์
อันนั้นไม่น่าห่วงครับ ยังถือว่าเข็มทิศทำงานดี สติก็ยังดี ถึงเห็นได้อย่างนั้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ รู้สึกว่าฉันถูกอยู่คนเดียว ฉันเก่งเกินใคร จนเกิดอัตตาใหญ่โต
อันนั้นน่ากลัวครับ น่ากลัวมากๆ ว่าเข็มทิศจะชำรุด
คนเราถ้ารู้สึกตัว รู้ว่าเข็มทิศชำรุดแล้ว ก็ยังไม่น่าห่วงนะ ของมันพอซ่อมได้
เหมือนคนตาบอด รู้ตัวว่าตาบอด อันนี้ไม่น่าห่วง เพราะเขาก็มีวิธีใช้ชีวิตได้
แต่ถ้าตาบอดแล้วยังเข้าใจว่าตาดี อันนี้น่ากลัว
หรืออีกที เข็มทิศชำรุด แล้วยังแถว่าเข็มทิศคนอื่นๆนั่นแหละชำรุด
มันน่ากลัวตรงทีมีคนเข็มทิศไม่แข็งแรง เชื่อ และเดินตามเข็มทิศที่ชำรุด
เท่ากับเข็มทิศตัวเองชำรุด แล้วไม่พอ ยังพาคนอื่นลงเหวไปด้วย
คนยิ่งปฏิบัติธรรมมาก ถ้ายังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็วางใจกิเลสไม่ได้นะ
ผมเคยเขียนในบล็อกเรื่อง เบวูฟส์ จำได้ไหมครับ ว่าพญามารท่านไม่ธรรมดา
กระทั่งตามความเชื่อของคริสต์ ลูซิเฟอร์ ที่เป็นซาตาน พญามารฝรั่ง
ก็มีเครดิตเป็นเทวดาชั้นบิ๊กบึ้มมาก่อน ฉะนั้น อย่าคิดว่าท่านกิ๊กก๊อกเป็นอันขาด
ท่านเป็นพญา ท่านย่อมรู้จุดอ่อนของแต่ละคน ว่าคืออะไร
แล้วท่านจะจัดของมาล่อให้ตรงจุดอ่อนเรา ลาภ ยศ สรรเสริญ กาม
พอพญามารถือหาง เห็นช้างก็เท่าหนู เห็นหมูเท่ามด เห็นน้ำกรดเป็นน้ำหวาน
เห็นนาธานเป็นเคน ธีรเดช ซะงั้น
ถามว่า แล้วเข็มทิศคุณแอสตั้น ยังเชื่อได้ไหม ตอบว่า.. ดีแล้วที่ถาม
เพราะผมจะได้หยุดเขียน แล้วเอาเวลาไปรู้กายรู้ใจตัวเอง ตรวจเข็มทิศตัวเอง
สุขสันต์วันฝนตกๆหยุดๆครับ
ที่มา : บล๊อกของคุณ aston27 ผู้เขียนหนังสือ ธนาคารแห่งความสุข
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aston27