อ่านเล่นๆ นะครับ อีกแง่มุมหนึ่งที่อยากนำเสนอ แค่ความคิดของคนโง่ๆ คนหนึ่งครับ
ในฐานะที่ถือว่าเป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวง ตา และได้กราบถวายตัวขอเป็นลูกหลวงตาแล้ว และก็น่าจะถือได้ว่าเป็นศิษย์ คนหนึ่งของหลวงพ่อปราโมทย์เหมือนกัน เพราะภาวนาตามแนวทางของท่าน
นอก จากพระพุทธเจ้าแล้ว ผมมีหลวงตาเป็นที่พึ่งที่ระลึก และเป็นแบบอย่างในความเพียรทำดีเพื่อปฏิบัติขัดเกลาตน และทำเพื่อส่วนรวม เป็น แบบอย่างในการเจริญเมตตาต่อสรรพสัตว์ เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อประโยชน์ของผู้คนและเหล่าสัตว์โดย ไม่มีแบ่งแยก ส่วนในการภาวนาปฏิบัติจริงๆ ผมถูกจริตและรู้สึกได้ถึงจิตที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ผมจึงกล้าพูดได้ว่า ผมเคารพและศรัทธาท่านทั้งสองไม่น้อยหน้ากว่าใครในโลกนี้เลย
แล้วผม ศรัทธาด้วยปัญญา ด้วยใจที่เห็นพระคุณของท่านทั้งสองตามจริง ไม่ใช่เคารพ ศรัทธา เพราะลือๆ กันมาว่าตรงนี้ของจริง ศักดิ์สิทธิ์จริง หรือกราบไหว้ ตามคนอื่น หรือเชื่อในปาฏิหารย์อิทธิฤทธิ์อะไร
อยากให้ทุกคนมีสติใน การพิจารณา กรณีหลวงพ่อปราโมทย์ถูกโจมตี จากหลายกลุ่ม
และบางกลุ่มยังได้ กระทำการไม่เหมาะสม คือดึงเอาพระเถระ หรือนำเอาหลวงตามากล่าวอ้างเพื่อโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อให้น้ำหนัก ของคำกล่าวหาของตนมีเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำให้มีคนหลงเชื่อไปจริงๆ
และ ก็ยังมีผู้ไม่หวังดีที่จ้องทำลายพระศาสนา จ้องทำลายหลวงตาและหลวงพ่อปราโมทย์ โดยได้กระทำการยุยงให้เกิดการแตกแยก ระหว่างศิษย์ทั้งสองฝ่าย (ซึ่งต่างเป็นกำลังหลักของพระศาสนา และประเทศ) ยก ตัวอย่างเช่น มีการใส่ร้าย และว่ากล่าวพระอาจารย์ของอีกฝ่าย โดยอ้างว่าเป็นศิษย์ของอีกฝ่าย
หรือนำคำสอนของฝ่ายนี้ไปถามอีกฝ่าย โดยไม่ต่างอะไรกับทนายที่รู้วิธีบิดเบือนข้อความและความหมายจนชนะคดี ทั้งที่ผิดจริง แต่ในที่นี้คือ เอาข้อความและเหตุผลที่ถูกมาบิดเบือนให้ผิด ด้วยหลักของภาษา(ซึ่งธรรมะนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่ากฎหมาย)และจิตวิทยา ฯลฯ โจม ตีไปมา และทำมาเป็นเวลานาน จนเกิดกระแสให้เกิดการขัดแย้งกัน เอาคำสอนและ ข้อวัตรต่างๆ มาบิดเบือนเพื่อโจมตี หรือเผยแพร่แบบผิดๆ เพื่อใช้เป็น การจุดชนวนในการก่อข้อพิพาท เป็นการวางแผนอย่างแยบคาย (ซึ่งในอดีตเรา ก็คงทราบกันดีว่า หลวงตาท่านก็โดนโจมตี และโดนคนใส่ร้ายอย่างไร เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนเป้าหมายไป)
ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร ก่อให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างศิษย์ของทั้งสองฝั่งได้ ภาพความขัดแย้ง ที่เกิดอาจเป็นของจริง หรือเป็นแค่การสร้างภาพของคนบางกลุ่มก็คาดเดาได้ยาก เพราะ อาจมีการปลอมตัว หรืออ้างตัวเป็นศิษย์ของหลวงตา มาโจมตีหลวงพ่อและก็ อ้างตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อไปโจมตีหลวงตา ซึ่งทั้งสองอย่าง อาจจะเป็นมือที่สามที่วางแผนไว้อย่างดีก็ได้ จนปัจจุบันมีศิษย์สายพระป่า จำนวนหนึ่ง ออกมาโจมตีหลวงพ่อ โดยผมคิดว่าท่านคงเข้าใจผิดจากชนวนที่ผู้ไม่หวังดีจุดขึ้น ผมเชื่อว่า เพราะได้ข้อมูลผิด และเกิดจากแผนการณ์ที่แยบยล ลึกซึ้งมาก จนยากจะอธิบาย และ คงไม่ใช่สิ่งที่พูดในที่สาธารณะได้ แต่ผมเชื่อมั่นว่า งานนี้เป็นการเล่นสงครามจิตวิทยาและข่าวสารบิดเบือนกัน และเป็นอนันตริยะ กรรมของจริง คือยุยงให้สงฆ์แตกแยกกันเอง ซึ่งน่าสงสารคนกระทำอย่างมาก (หนาวแทน)
มีคนบางคนอาฆาตแค้นหลวงพ่อมาก จึงได้วางแผนทำลายท่าน ซึ่งในบรรดาศิษย์คงรู้กันดีว่าเป็นใคร และยิ่งเมื่อพวกที่จอ้งทำลายความ มั่นคงของประเทศและพระพุทธศาสนาในไทย เห็นโอกาส ก็ผสมโรงเข้าไปโดยไม่ ยาก ลองคิดดูว่า ในยุคปัจจุบัน ศิษย์ทั้งสองสาย เป็นกำลังหลักให้พระ ศาสนาและบ้านเมืองแค่ไหน
ศิษย์หลวงพ่อจะเป็นคนเมือง คนรุ่นใหม่ซะส่วนใหญ่ ซึ่งมีบทบาทต่อสังคมชนชั้นนักธุรกิจและเยาวชนอย่างมาก ศิษย์หลวงตา จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่น่าจะเรียกว่าต่างกับคนกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อ ซึ่งมี บทบาทต่อการรักษาหลักการปฏิบัติในรูปแบบที่ถูกต้อง และมีกำลังมากในการสร้างชาติหรือมีผลทางการเมืองอีกด้วย (อย่างเช่น ถ้ารัฐบาลจะทำอะไรไม่ดี เฉพาะศิษย์หลวงตาออกมาติติง ก็ทำให้ชะงักได้แล้ว) ผม พยายามจะอธิบาย แต่ก็นึกคำไม่ออกนะ ว่าจะอธิบายอย่างไร ให้เข้าใจว่า ศิษย์ ทั้งสองฝ่าย ล้วนมีผลต่อพระศาสนาและประเทศชาติอย่างมาก และเป็นกำลังหลักที่เด่นมากๆ นอกจากการดำรงความถูกต้องในธรรมจะกระทบ ต่อแผนการณ์ของกลุ่มจ้องทำลายประเทศไทย ก็ยังกระทบไปถึงลัทธิหรือ บางกลุ่มที่เผยแพร่หลักธรรมแบบผิดๆ ด้วย
ขอให้ย้อนอดีตไปดูสมัย พุทธกาล พระพุทธองค์เผยแพร่คำสอนที่ถูกจนมีผลกระทบไปถึงพวกเดียรถีย์ และ ลัทธิหรือความเชื่ออื่นๆ ทำให้ลาภสักการะและความนิยมในลัทธิอื่นน้อยลง มี ผลกระทบอย่างแรง จนพวกนั้นทนไม่ไหว ต้องออกมาใส่ร้าย กล่าวร้าย หาเรื่องกับพระพุทธองค์ เพื่อทำลายศรัทธาและเพื่อดึงคนกลับไปนับถือและ เชื่อฟังพวกตนเหมือนเดิม กลับไปงมงายเหมือนเดิม ฯลฯ ครูบาอาจารย์ที่ดังๆ ก็ล้วนเจอกล่าวร้ายมาแทบทั้งนั้น ถ้าเราจะย้อนดูอดีตกลับไป
ผมจึง ไม่แปลกใจเลยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะวิธีทำลายประเทศ ทำลายพระศาสนา ถ้าไม่ตีตรงๆ ที่จุดหลักๆ จุดแข็ง แล้วจะไปตีจุดไหน แต่ตีไม่ได้ ก็ยุให้ตีกันเอง ซึ่งง่ายกว่า และได้ผลกว่า
หากเรา ใช้สติซักนิดว่า เราปฎิบัติธรรมไปเพื่ออะไร ใช้จิตที่มีสติ เป็นกลาง ระลึกถึงพระรัตนตรัย ระลึกถึงพระพุทธเจ้าให้จิตใจอบอุ่นก่อน แล้วค่อยใช้ ใจที่อบอุ่นตัดสินใจว่า ควรเชื่อใคร ควรพูด ควรอะไร ผมเชื่อว่า ใจที่สะอาด จะทำให้เราเห็นความจริงเองว่าตรงไหนน่าเชื่อ ตรงไหนอบอุ่น ตรงไหนของดีจริง ตรงไหนของปลอม
สำหรับผม ผมเคารพศรัทธาทั้งหลวงตาและหลวงพ่อ และน่าจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกคน หนึ่ง ที่ได้เป็นทั้งลูกหลวงตาและถือว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ(เพราะภาวนา ตามแบบท่าน) และได้ทำงาน(เผยแพร่ธรรมะ)ถวายท่านทั้งสอง อย่างที่น้อยคนนักจะมีโอกาสทำได้แบบนี้
ผมก็คงเหมือนคนอื่นๆ ที่ทำทุกอย่าง ไม่ได้ทำเพราะติดครูบาอาจารย์ แต่ผมเห็นว่ามันเป็นประเด็น ของความมั่นคงของพระศาสนา ผมไม่ได้คิดว่าจะออกมาปกป้องใคร แต่ ด้วยใจที่คิดจะจรรโลงพระศาสนาให้มั่นคง และให้ผู้คนได้พบเจอแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จึงเห็นได้ชัดว่า พระศาสนาน่าเป็นห่วงมาก แม้พระดีๆ ที่มีคุณสมบัติหาได้ยากขนาดนี้ ยังโดนกล่าวร้าย และเกิดการยุยงให้แตก แยกได้ขนาดนี้ และที่น่ากลัวก็คือ มีการนำบุคคลและพระที่มีชื่อเสียงมา เข้าร่วมด้วย
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ภัยของพระศาสนานั้น มาเร็วและแรงกว่าที่คิด เพราะแม้แต่สิ่งที่โดนโจมตีจะไม่มีเหตุมีผล แต่ ก็ไม่น่าเชื่อว่า ฝ่ายที่จ้องทำลาย สามารถโน้มน้าวและดึงคน(ที่มีภาพ)ดี คนดัง และบุคคลที่เราหลายคนคงคิดไม่ถึงว่า ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้ แล้วเหตุผลอะไร ทำไมบางคนถึงย้อนกลับมาโจมตีคนที่ตัวเองเคยเคารพเป็นครู บาอาจารย์ได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งหลายคนดูเหตุผลแล้ว มันก็ไม่มีน้ำหนักเอาเลย ที่จะให้ทำได้ถึงขนาดนี้
แต่สงครามข้อมูล และหลักจิตวิทยา หลักการที่วางแผนไว้อย่างดี ก็สามารถดึงแนวร่วมเข้าไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ยังมีความเชื่อกันแบบไม่ เป็นทางการอีกว่า ส่วนหนึ่งเป็นการใช้วิชาสะกดจิตและพลังทางจิตร่วมด้วย)
เพราะ เราประมาท คิดว่า ของดี ทองแท้ไม่กลัวไฟ ใครจะใส่ร้าย จะทำอย่างไรก็ได้ แต่ นี่มันยุคดิจิตอล ยุคผู้คนอ่อนแอทางความคิด ยุคที่ข่าวบิดเบือนสะพัดไปไว เข้าถึงทุกซอกทุกมุมในเวลารวดเร็ว ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่ออกมาปกป้องพระศาสนา ไม่ออกมาทำอะไรบ้าง มันเป็นการสมควรแล้วหรือ เพียง แต่ว่า คนที่จะออกมาปกป้องหรือแก้ข่าว หรือชี้แจงควรเป็นฆราวาสหรือ บุคคลที่เหมาะสมก็เท่านั้น แล้วต้องกระทำด้วยความมีสติ มีเมตตาด้วยผม เห็นหลายคนพยายามออกมาชี้แจงปกป้อง แต่กลับกลายเป็นมาเติมเชื้อไฟ ทำให้เหตุการณ์บานปลายไปซะอีกเพราะขาดสติและทำไปด้วยโทสะ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของปุถุชนที่เคารพรักใคร แล้วถูกใส่ร้ายก็ต้องโมโหเป็นธรรมดา แต่ความหวังดีก็อาจกลายเป็นทำให้ เรื่องมันแย่ลงได้ ถ้าไม่ได้ทำด้วยปัญญาและเมตตาอย่างแท้จริง
ส่วน พระท่าน ท่านคงไม่มาวุ่นวายด้วย ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะท่านไม่อยู่ในสถานะที่จะออกมาตอบโต้ได้ ซึ่งหน้าที่ในการชี้แจงก็ ต้องอยู่ที่กลุ่มลูกศิษย์ที่รู้จริงและมีภูมิธรรมสูงด้วย เหมือนที่ทีม วิมุตติออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีหลวงพ่อปราโมทย์โดนกล่าวหา หรือคุณดังตฤณเขียนชี้แจงในธรรมะใกล้ตัว ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครอ่าน หรือทำความเข้าใจกันบ้าง เพราะนิสัยคนไทย ชอบฟังแต่ข่าวลือ ชอบฟังแต่เรื่องที่คนอื่นโดนใส่ร้าย แต่ไม่ชอบฟังคำแก้ตัวหรือคำชี้แจง จากผู้ที่โดนใส่ร้าย ...
นั่นเลยทำให้ข่าวลือในบ้านเราได้ผล คนเชื่อได้โดยไม่ต้องคิด และกลายเป็นเครื่องมือหลัก ของคนที่จ้องจะทำลาย ประเทศ หรือทำลายกลุ่มบุคคลอื่น มาช้านาน (ในหลายประเทศก็ใช้วิธีนี้ คือทำลายศัตรูหรือบุคคลกลุ่มอื่น ด้วยข่าวลือ ซึ่งได้ผลมากกว่าที่คิด ไม่ต้องลงทุนอะไรมากด้วย) ยกตัวอย่างเช่น เคยรู้สึกบ้างไหมว่า ตั้งแต่เกิดมา เราทุกคนจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลระดับสูง ซึ่งได้ ยินบ่อยมาก ออกมาบ่อยมาก แล้วท่านก็มาแก้ข่าวไม่ได้ แล้วปรากฎเป็นอย่างไร คนไทยเกือบทั้งหมดเกิดอคติ แล้วเชื่อไปจริงๆ ว่าน่าจะไม่ดีอย่างทีว่าจริง ทั้งที่ข่าวที่ลือออกมาทุกวันทุกปี ไม่น่ามีมูล แล้วไม่น่ามีใครไปรู้ลึกแล้วเอามาบอกมาลือต่อได้ขนาดนี้เลย
ซึ่ง นี่เชื่อกันว่าเป็นแผนระยะยาวของต่างชาติทีต้องการล้มระบบที่ปกป้องประเทศ ไว้ได้มายาวนาน(รวมถึงศาสนาด้วย) ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมที่แข็งแกร่ง เมื่อผู้ที่จะก้าวมาเป็นศุนย์รวมของคนทั้งประเทศ กลายเป็นมี ภาพไม่น่าชื่นชมอยู่ในทัศนคติของคนส่วนใหญ่ ฝังใจอยู่กับเรื่องข่าวลือในแง่ลบหลายเรื่อง จนเชื่อไปจริงๆ แล้วอะไรจะ เกิดขึ้น เมื่อศาสนาดูอ่อนแอและมีแต่เรื่องเสียหาย อะไรจะเกิดขึ้น กับหลักใจของคนทั้งประเทศ
ประเทศเรามีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นดินแดนที่มีแต่คนอยากได้ เป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่ปัจจุบันไม่ สามารถมีอะไรแทรกซึมมาได้ เพราะระบบศาสนาและสถาบันสูงสุด นั่นคือเหตุผล ที่มีการจ้องทำลายจุดแข็งของประเทศให้ได้เสียก่อน (ซึ่งในหลายประเทศก็ โดนแบบนี้มาแล้ว สำเร็จมาแล้วด้วยกับสงครามยึดเมืองขึ้นในรูปแบบใหม่)
ฉะนั้น ฝากไว้ให้พิจารณากันสักนิดว่า จะทำอะไรต้องใช้สติและใช้ใจที่ชุ่มเย็นไปด้วยกุศลจิต ตัดสินใจใคร่ครวญให้ดี ก่อน จะเชื่อข่าวลือ ก่อนจะเชื่อข้อมูลใคร หรือก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ถ้า ไม่แน่ใจอะไร ผมว่า ควรจะอยู่เฉยๆ แล้วปฏิบัติภาวนา ทำตนให้หลุดพ้น และ เอาเวลาไปช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนรอบข้างที่เขายังต้องการความช่วยเหลืออีกมากมาย ดีกว่านะครับ
อย่า เอาเวลามาคิดเรื่องไร้สาระ หรือมาจ้องจับผิดคนอื่นเลย มันไม่ได้ประโยชน์ อะไรจริงๆ การจะจับผิดคนอื่น ตัวเราก็ต้องมีดีพอ จับผิดตัวเองให้หมดก่อน การจะว่าคนอื่นว่าเลว หรือไม่ดี ตัวเองก็ต้องมีดีมากพอซะก่อน
ทุกคนล้วนเกิดมามีความทุกข์มากพอ แล้ว
ขจัดความทุกข์ให้ตัวเองซะก่อนดีกว่านะครับ
อยากเห็นคนไทยรัก กัน อยากให้พระศาสนาร่มเย็นและแพร่หลาย พวกเราทุกคนต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ก่อนนะครับ การเมือง ศาสนา เราคิดต่างกันได้ เชื่อต่างกันได้ แต่ สำหรับคนที่มีคุณธรรม มีศีลธรรม เป็นคนดี เขาคิดต่างแต่ไม่แตกแยก ไม่ทะเลาะกันหรอกครับ ทำดีมากๆ แล้วแผ่เมตตาให้กับคนรอบข้างเยอะๆ แล้วภาพความจริงจะปรากฎในใจพวกเราครับ
เจริญในธรรมทุกท่านครับ
โฉ คับ