http://www.jozho.net
   
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 19/11/2007
ปรับปรุง 05/02/2023
สถิติผู้เข้าชม14,603,759
Page Views22,691,067
Menu
หน้าแรก
งานบรรยายโดยโจโฉ
เกี่ยวกับ&ที่มา..โจโฉ
ตัวอย่างภาพกิจกรรม
รวมเสียงโจโฉ
สนับสนุนโจโฉ
บทความโดยโจโฉ
ติดต่อโจโฉ
เลือกดาวน์โหลด
แนะนำ
มาใหม่ล่าสุด
บอกเล่าเก้าสิบ
สวดมนต์ สมาธิ
Video ธรรม
ข่าวร้อน
.
 

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีประเพณีสงกรานต์ สร้างซุ้มประตู

(อ่าน 6436/ ตอบ 13)

พระสมรัก

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ ทอดผ้าป่าสามัคคี ประเพณีสงกรานต์ ๒,๕๕๕ กอง กองละ ๑๙๙ บาท



เพื่อสมทบทุน “สร้างซุ้มประตู และกำแพงวัด”

ทอดถวาย ณ วัดประทุมวัน บ้านตะกุย ต.ตรมไพร อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์

วันที่ ๑๔-๑๕ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕

***************************


เนื่องด้วยวัดประทุมวัน บ้านตะกุย ตำบลตรมไพร อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ยังขาดศาสนสถาน “ซุ้มประตู และกำแพงวัด” ดังนั้น ทางวัดและคณะกรรมการจึงมีมติให้จัดสร้างขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการสืบทอดประเพณีไทย จึงมีการจัดงาน แห่นางสงกรานต์-รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เนื่องในวันปีใหม่ไทย และร่วม ทอดผ้าป่าสามัคคี ๒,๕๕๕ กอง กองละ ๑๙๙ บาท เพื่อสมทบทุนสร้าง “ซุ้มประตู และกำแพงวัด” วัดประทุมวัน บ้านตะกุย ในวันที่ ๑๔-๑๕ เมษายน ๒๕๕๕


ฉะนั้น ในการจัดงานในครั้งนี้ต้องใช้ปัจจัยในการดำเนินงานและก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน ๑,๕๙๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านห้าแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) จึงขอบอกบุญแด่พุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญทั้งหลาย ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพ ทอดผ้าป่าสามัคคี ๒,๕๕๕ กอง กองละ ๑๙๙ บาท เพื่อสมทบทุนในการดำเนินงานและก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี


ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงประธานพรให้ท่านจงมีความสุข ความเจริญ ด้วยพร ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติพิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ตลอดกาลนาน เทอญ


ร่วมบุญผ่านธนาคารได้ที่

ธนาคารกรุงไทย สาขาศีขรภูมิ

ชื่อบัญชี วัดประทุมวัน

บัญชีเลขที่ 331-0-13200-5



กรณีโอนจากต่างประเทศสวิบโค๊ส

KRTHTHBK ทั่วไป

KRTHTHBK007895 สกุลต่างประเทศ


ต้องการใบอนุโมทนาบัตร ส่งสลิปโอนเงินพร้อมชื่อที่อยู่ ถึง วัดประทุมวัน บ้านตะกุย ตำบลตรมไพร อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ๓๒๑๑๐ หรือแจ้งผ่าน 086-2602702 หรือ somrak43@hotmail.com

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย โดยมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน ช่วยดลบันดาลให้ท่านผู้ใจบุญที่ได้มีส่วนร่วมในการทำบุญครั้งนี้ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ รวมทั้งโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์ ขอคำว่า “ไม่มี ไม่รู้” จงอย่างปรากฏมีแท่ท่าน และขอให้อานิสงส์ ผลบุญในครั้งนี้ ส่งผลให้ท่านผู้ใจบุญทุกท่านได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ


รายการร่วมเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่าสร้างซุ้มประตูและกำแพง
วัดประทุมวัน บ้านตะกุย ตำบลตรมไพร อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์


*****************************

1. ปูน บริจาค จำนวน 1 ถุง ราคา 125 บาท หรือ จำนวน 1 ตัน ราคา 2,500 บาท

2. ทราย บริจาค จำนวน 1 คิว ราคา 300 บาท หรือ จำนวน 10 คิว ราคา 3,000 บาท

3. หิน บริจาค จำนวน 1 คิว ราคา 350 บาท หรือ จำนวน 10 คิว ราคา 3,500 บาท

4. เหล็กเส้น บริจาค จำนวน 1 เส้น ราคา 100 บาท หรือ จำนวน 10 เส้น ราคา 1,000 บาท

5. กระเบื้อง บริจาค จำนวน 1 แผ่น ราคา 20 บาท หรือ จำนวน 10 แผ่น ราคา 200 บาท

6. อิฐมอญ บริจาค จำนวน 1 ก้อน ราคา 1.50 บาท หรือ จำนวน 100 ก้อน ราคา 150 บาท

7. พญานาค บริจาค จำนวน 2 ตัว ราคาตัวละ 50,000 บาท

8. พระพุทธรูป บริจาค จำนวน 1 องค์ราคาองค์ละ 100,000 บาท

ท่านที่จองเป็นเจ้าภาพรายการใดรายการหนึ่งหรือทุกรายการ ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
ทางวัดจะได้จารึกชื่อไว้ใน “ซุ้มประตู” เพื่อฝากไว้ในพระพุทธศาสนา

เจ้าภาพผู้ร่วมบุญจะได้รับเหรียญและวัตถุมงคล หลวงปู่เป็ล เกจิผู้หยังรู้



เจริญพรเพื่อทราบ
พระสมรัก ญาณธีโร
www.phrasomrak.com
www.romdham.com
somrak43@hotmail.com


รายนามผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่า2555 กองๆ ละ 199 บาทตามลิงค์
http://www.romdham.com/forum.php?mod=viewthread&tid=103
http://www.phrasomrak.com/index.php?option=com_content&view=article&id=68:2012-03-04-12-13-59&catid=1:2010-02-19-12-29-45&Itemid=8


Link: คลิ๊กที่นี่

somrak

สรุปยอดกองผ้าป่าทั้งที่มาทอดเองและโอนผ่านบัญชี

ร่วมบุญผ่านบัญชี
รวม 62.76 กอง จำนวนเงิน 12490.67บาท

เดินทางมาร่วมบุญทอดผ้าป่าเอง
รวม 1060.53 กอง จำนวนเงิน 211047บาท

ร่วมทั้งสิ้น 1123.30 กอง จำนวนเงิน 223537.67บาท

ยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง
1,366,463.33บาท

somrak

อานิสงส์การสร้างวัดและซุ้มประตู สร้างวัด ศูนย์กลางกายเผยแผ่พุทธธรรม

ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้นำบริวารไปค้าขายที่กรุงราชคฤห์ ตกเย็น ก็มาถึงบ้านของราชคหะเศรษฐีซึ่งเป็นสหายกัน ท่านเศรษฐีได้สังเกตเห็นสหายมัวสาละวนอยู่กับการสั่งงาน หุงข้าว ทำอาหาร ตกแต่งสถานที่ แต่ก็สั่งงานด้วยใบหน้าที่เบิกบานผ่องใส จึงเกิดความสงสัยว่าเพื่อนของเราไม่ให้การต้อนรับเราเหมือนที่เคยเป็น สงสัยจะมีงานมงคลเป็นแน่ จึงได้ถามเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ราชคหะเศรษฐีบอกว่า บัดนี้ พระพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลกแล้ว ท่านอนาถะพอได้ฟังเท่านั้นแหละ ก็เกิดความปีติปราโมทย์ใจอย่างไม่มีประมาณ มหาปีติได้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ถึงกับกำหนดอะไรไม่ได้ ท่านถามสหายถึง ๓ ครั้ง สหายก็ได้บอกเรื่องอันเป็นมหามงคลนั้นให้ท่านทราบถึง ๓ ครั้งเช่นกัน ท่านเศรษฐีได้เปล่งอุทานว่า


“อโห พุทฺโธ พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก แต่พระองค์ก็ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว”


ท่านได้ถามสหายว่า “ตอนนี้พระบรมศาสดาประทับอยู่ที่ไหน เราจะไปเฝ้าพระองค์เดี๋ยวนี้แหละ” สหายเห็นว่า ท่านเศรษฐีเพิ่งจะเดินทางมาถึง ยังไม่ได้พักผ่อนเลย จึงกล่าวทัดทานว่า “พระองค์ประทับอยู่ที่ป่าสีตวัน ขอให้ท่านพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” คืนนั้นท่านเศรษฐีมีจิตส่งไปถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ไม่มีความคิดถึงเรื่องการทำมาค้าขาย หรือแม้กระทั่งอาหารเย็นก็ไม่ยอมรับประทาน เพราะท่านมีปีติเป็นภักษาหาร จึงขึ้นไปพักผ่อนบนปราสาทชั้นที่ ๗ แล้วสาธยายคำว่า “พุทฺโธ พุทฺโธ พุทฺโธ” ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์และนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

เมื่อปฐมยามล่วงไป ท่านเศรษฐีได้ตื่นขึ้นมาด้วยใจที่ผูกพันกับพระพุทธเจ้า ท่านได้เห็นแสงสว่างประดุจประทีปพันดวงลุกโพลง ปรากฏเกิดขึ้นในกลางตัว แสงสว่างนั้นสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ท่านเกิดปีติมาก จึงอยากจะเห็นพระบรมศาสดาเร็วๆ แต่เมื่อลืมตาสังเกตดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า จึงรู้ว่าปฐมยามเพิ่งจะล่วงไปเท่านั้น ยังไม่ถึงเวลาเช้าเลย จึงล้มตัวลงนอนต่อ พักผ่อนได้ไม่นานก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีก แต่พอสังเกตดูดวงจันทร์ มัชฌิมยามเพิ่งจะผ่านพ้นไปจึงล้มตัวลงนอนต่อไปอีก ท่านเศรษฐีได้ตื่นขึ้นมาใหม่ในเวลาใกล้รุ่ง เนื่องจากท่านมีความปีติมาก ไม่อาจรอคอยจนถึงวันรุ่งขึ้นได้ จึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาทันที

ตามปกติแล้วคฤหาสน์ของราชคหะเศรษฐี จะปิดประตูลงกลอนเป็นอย่างดี จะถูกเปิดอีกครั้งในรุ่งอรุณของวันใหม่ แต่ด้วยพุทธานุภาพ เหล่าเทวดาประจำบ้านทั้งหลาย เห็นความตั้งใจอย่างแรงกล้าของท่านเศรษฐี จึงประชุมกันว่า “มหาเศรษฐีท่านนี้ออกไปเพื่อจะเข้าเฝ้าบุคคลผู้เลิศในโลก นับเป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนายิ่งนัก ควรแล้วที่พวกเราจะส่งเสริมให้ท่านเศรษฐีได้สมหวัง” จึงบันดาลให้ประตูปราสาทเปิดออกได้เป็นอัศจรรย์

ในขณะที่เดินทางไปนั้นหนทางก็มืดมิด และมีอมนุษย์ออกหากินมากมายในตอนกลางคืน เมื่อพวกอมนุษย์ปรากฏกายให้เห็น ฝูงสุนัขส่งเสียงร้องเห่าหอน ท่านเศรษฐีไม่เคยออกจากบ้านตามลำพังในยามค่ำคืน จึงเกิดอาการขนพองสยองเกล้า แต่เมื่อนึกถึงพระพุทธเจ้า ความสว่างภายในก็ปรากฏเกิดขึ้นมาอีก ความกลัวจึงค่อยหายไป พอเดินๆ ไปก็เกิดวิตกกังวลว่า จะถูกอมนุษย์ทำร้าย จึงเกิดความกลัวขึ้นมาอีก แต่อมนุษย์ที่เป็นสัมมาทิฏฐิได้ส่งเสียงให้กำลังใจว่า



“จงก้าวเดินต่อไปเถิดท่านเศรษฐี ช้างแสนหนึ่ง ม้าแสนหนึ่ง รถเทียมด้วยม้าอัสดรแสนหนึ่ง ก็ไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการย่างเท้าไปหาพระบรมศาสดา ขอท่านจงก้าวเดินต่อไปเถิด”

ขณะที่ท่านเศรษฐีเดินเข้าไปในป่าช้านั้น ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จจงกรมอยู่แต่ไกล พระองค์ได้ตรัสทักทายว่า “สุทัตตะ เข้ามาเถิด ท่านอย่าได้กลัวไปเลย ตถาคตกำลังรออยู่” เมื่อได้ยินพระพุทธองค์ตรัสเรียกชื่อเดิมของตน ก็ยิ่งปีติใจมากทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย จึงได้เข้าไปถวายแทบเบื้องพระบาท พร้อมกับทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ประทับอยู่เป็นสุขดีหรือพระเจ้าข้า” “สุทัตตะ พราหมณ์ผู้ดับกิเลสได้แล้ว ไม่ติดอยู่ในกาม เป็นผู้เยือกเย็น ย่อมอยู่เป็นสุขตลอดเวลา …” จากนั้นพระองค์ได้ตรัสพระธรรมเทศนา จนท่านเศรษฐีได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน

ต่อมาเมื่อท่านกลับมาที่บ้านเกิด จึงเที่ยวตรวจดูสถานที่ต่างๆ ในเมืองสาวัตถีว่า มีที่ใดสมควรเป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการหลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งต้องเป็นสถานที่ที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเกินไปนัก มีการคมนาคมสะดวกสบาย เพื่อผู้คนจะได้ไปกราบนมัสการได้โดยสะดวก อีกทั้งในเวลากลางวัน ก็ไม่จอแจพลุกพล่าน ในยามกลางคืนก็เงียบสงัด เป็นสถานที่ที่ควรแก่การประกอบความเพียร เมื่อตรวจดูแล้ว ก็เห็นว่าพระอุทยานของเจ้าเชตเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างวัด

ท่านเศรษฐีจึงได้ไปขอซื้อที่ดินจากเจ้าเชต แต่เจ้าเชตปฏิเสธที่จะขาย เมื่อถูกท่านเศรษฐีรบเร้าเชิงอ้อนวอนหนักเข้า จึงตั้งราคาเพื่อให้เศรษฐีหมดอารมณ์ที่จะซื้อต่อไปว่า “ท่านคหบดี หากท่านต้องการที่ดินผืนนี้จริงๆ จงเอาเงินมาปูเรียงจนเต็มพื้นที่เถิด” ท่านเศรษฐีฟังแล้วก็ไม่ได้หวั่นไหวที่จะซื้อที่ดินผืนนั้น แต่กลับรู้สึกปีติที่จะได้สร้างวัด ได้สั่งให้คนนำเกวียนบรรทุกเงินออกมาปูเรียงกันให้เต็มพื้นที่ ขณะที่ปูจนใกล้จะเต็มพื้นที่ เจ้าเชตได้เห็นความตั้งใจมั่นเช่นนั้น ก็บังเกิดความเลื่อมใส เพราะนึกไม่ถึงว่า จะมีผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวอย่างนี้ในโลก จึงบอกว่า “พอแล้ว ท่านคหบดี ท่านจงให้โอกาสแก่เราบ้างเถอะ เราขอร่วมบุญตรงซุ้มประตู”

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงตอบตกลงทันที จากนั้นก็ลุยสร้างวัดทันที หมดงบประมาณไป ๕๔ โกฏิ นอกจากนี้ยังให้สร้างซุ้มประตูหน้าวัด โดยใช้ชื่อวัดว่า วัดพระเชตวัน เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าเชตกุมารอีกด้วย แต่ด้วยความเป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมของท่าน แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานกว่า ๒,๐๐๐ ปี เมื่อกล่าวถึงวัดพระเชตวัน ก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้สร้าง นอกจากนี้ ท่านยังสร้างวิหารหลายหลังไว้ในวัด อีกทั้งก่อสร้างกำแพง ซุ้มประตู ศาลาหอฉัน โรงไฟ วัจกุฎี ที่จงกรม บ่อน้ำ สระโบกขรณี มณฑป และสถานที่ต่างๆ จนเป็นที่พอใจ

เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระบรมศาสดาได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในการรับถวายวัดพระเชตวัน ทรงกระทำอนุโมทนากับท่านมหาเศรษฐีว่า “วิหารย่อมป้องกันหนาวร้อน และสัตว์ร้าย ป้องกันงู และยุง กันลมกันฝน นอกจากนั้น วิหารยังป้องกันแสงแดดอันแรงกล้าที่เกิดขึ้นได้ การถวายวิหารแก่สงฆ์เพื่อหลีกเร้นอยู่ เพื่อความสุข เพื่อเพ่งพิจารณา และเพื่อให้เห็นแจ้ง พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ทรงสรรเสริญว่า เป็นทานอันเลิศ เพราะเหตุนั้นแล คนผู้ฉลาด เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ตน พึงสร้างวิหารอันรื่นรมย์ให้ภิกษุทั้งหลายเถิด”



จะเห็นได้ว่า การทำบุญสร้างวัดนั้น ถือว่าเป็นบุญใหญ่ เป็นการขยายงานพระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไป ให้เป็นที่พึ่งต่อชาวโลก อีกทั้งเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่คู่โลกตลอดไป


เราทั้งหลายควรยึดเอาท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นแบบอย่าง ขณะนี้เรากำลังทำงานใหญ่ มุ่งจะขยายสันติภาพไปทั่วโลก ก็ต้องมีศูนย์กลางการเผยแผ่ ซึ่งอยู่ที่วัดพระธรรมกายนี่แหละ โดยเฉพาะบุญพิเศษในช่วงนี้คือ ร่วมสร้างอาคารพระผู้ปราบมาร เป็นที่พักสงฆ์หลายพันรูป ในขณะเดียวกันก็มีการก่อสร้างวัด สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมในแต่ละจังหวัด และสร้างศูนย์สาขาไปทั่วทั่วโลก ซึ่งลูกพระธรรมต้องช่วยกันเต็มที่ เพราะการสร้างวัดหรือศูนย์สาขาเพื่อการเข้าถึงพระธรรมกายนั้น นอกจากจะได้ผลบุญในปัจจุบันนี้แล้ว ภพชาติต่อไปในเบื้องหน้า เราจะได้ทิพยสมบัติอันโอฬารเหมือนกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และหมั่นบอกตัวเองเสมอว่า เราจะต้องเป็นมหาเศรษฐีคู่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทุกภพทุกชาติตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม



พระสมรัก

รายนามผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่า 2555 กองๆ ละ 199 บาท

1. 07/03/55 นาย วริทธิ์ธร ภูริยากร และ บุตรที่อยู่ใน ครรภ์ ร่วมบุญ 597 บาท 3 กอง
2. 09/03/55 คุณโยม offies ร่วมบุญ 300 บาท 1.5 กอง
3. 10/03/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 100 บาท 0.5 กอง
4. 10/03/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 100 บาท 0.5 กอง
5. 12/03/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 300 บาท
6. 13/12/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 200 บาท
7. 15/12/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 199.99 บาท
8. 16/12/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 950 บาท
9. 18/03/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 400 บาท
10. 19/03/55 คุณโยม มะลิ ลอนน์เบิร์ก และเพื่อน ร่วมบุญ 1560 บาท (ออสเตเรีย)
11. 20/03/55 คุณโยม ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบุญ 300 บาท

รวม 25.16 กอง จำนวนเงิน 5,006.99 บาท
ยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง
1,584,993.01 บาท

พระสมรัก



อ้างถึง


=offies;128603;1331300096;ร่วมบุญด้วยค่ะ 300 บาทค่ะ โอนแล้ววันที่ 09/03/2555 เวลา 17:44 น.ค่ะ





ขออนุโมทนาบุญคุณโยม ที่ได้ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างซุ้มประตูในครั้งนี้ โดยได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่า ขออำนาจแห่งพระรัตนตรัยจงคุ้มครองปกป้อง นำให้คุณโยมมีความสุขความเจริญตลอดไป

สาธุ
Page : 1
Lock Reply
 
 หน้าแรก  รวมเสียงโจโฉ  บทความ  ภาพกิจกรรม  สนับสนุนโจโฉ  ติดต่อ
view